หยิบดี | ตอน : "กอดคอกันไปอย่างพี่น้อง"
วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2566
หยิบดี | ตอน : "กอดคอกันไปอย่างพี่น้อง"
หยิบดี | ตอน : "กอดคอกันไปอย่างพี่น้อง"
หยิบดี | ตอน : "ความสุขที่ระดับ1,508 เมตรจากระดับน้ำทะเล
หยิบดี | ตอน : "ความสุขที่ระดับ1,508 เมตรจากระดับน้ำทะเล
"เพราะ"บทกวี" ไม่ได้เป็นสิ่งเพ้อฝัน แต่คือถ้อยคำที่ช่วยเยียวยาความขมของโลกแห่งความจริง เช่นเดียวกับกาแฟที่ไม่ได้มีดีแค่คาเฟอีน หากแต่มันมีมิตร ภาพที่มากมาย ช่วงเวลาที่ผ่านมา กาแฟได้นำพาให้ผมมาพบเจอมิตรภาพหลากหลาย และยิ่งนานวันมันยิ่งมีความผูกพันธ์กันมากขึ้น เหมือนหนึ่งในสมาชิกครอบครัวกัน
• กาแฟนำพาให้ผมมาพบเจอพี่ๆ ทุกแหล่งปลูก พบเจอรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความอบอุ่น ความห่วงใย มิตรภาพ พี่ๆหลายๆคน เคยถามผมว่าอาจารย์ทำงานอยู่ที่ในห้องแอร์สอนหนังสือสบายๆ แล้วออกมาขึ้นดอย ลงห้วย ไต่เขา ให้เหนื่อยทำไม คำตอบของผมที่ให้พี่ๆ คือ "รอยยิ้ม" ผมบอกกับพี่ๆ ว่าถ้าผมอยู่แต่เพียงในห้องสี่เหลี่ยมก็คงไม่พบเจอสิ่งดีๆเหล่านี้เป็นแน่ครับ
• โลกใบนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย ร้อยอย่าง พันอย่าง แสนอย่าง อย่ารอให้เวลาหมุนไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย มันจะเป็นอะไรที่เสียดายมากนะครับ
• ด้วยทางกลุ่ม Coffee Sci ได้ดำเนินงานในมิติของ ดิน ฟ้า กาแฟ และการเรียนรู้ในบริบทของการเปลี่ยน แปลงทางสังคมร่วมกัน โดยได้มีการทำงานเชิงพื้นที่ใน 9 แหล่งปลูกกาแฟในภาคเหนือ ทำให้ได้พบเห็นวิถีการทำงานและปัญหา ตลอดจนความต้องการในการพัฒนาในเชิงพื้นที่ของเกษตรกร
• จากความตั้งใจและอยากเห็นทุกคนในชุมชนมีการเรียนรู้และพร้อมร่วมกันพัฒนาผลผลิตของตนเองให้มีคุณภาพยิ่งๆ ขึ้น เพราะกาแฟไทยเรายังไปได้อีกไกล
หยิบดี | "นำวิทยาศาสตร์อย่างง่ายสู่ชุมชน"
หยิบดี | "นำวิทยาศาสตร์อย่างง่ายสู่ชุมชน"
หยิบดี | "ลุกขึ้นมาทำ" เติมเต็มโลกกาแฟ
หยิบดี | "ลุกขึ้นมาทำ" เติมเต็มโลกกาแฟ
วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2566
หยิบดี | ใกล้เข้าสู่ฤดูการเก็บเกี่ยวกาแฟ
หยิบดี | ใกล้เข้าสู่ฤดูการเก็บเกี่ยวกาแฟกาแฟจะออกดอกหลังจากผ่านสภาวะความแห้งแล้งและผ่านความชุ่มชื้นจากฝนหรือการให้น้ำแล้ว หลังจากปลูกไปแล้วประมาณปีที่ 3 จากนั้นจะพัฒนากลายเป็นผลจนสุกสีแดง และช่วงนี้ใกล้จะเข้าสู่ช่วงฤดูของการเก็บเกี่ยวเชอรี่กาแฟกันแล้ว ผมจึงนำข้อมูลดีๆ ฉบับย่อยง่ายๆ เกี่ยวกับวิธีการเก็บเกี่ยวมาเล่าสู่กันดังนี้นะครับ
#วิธีการเก็บเกี่ยว
● ควรเก็บเฉพาะผลผลิตที่สุกสีแดงเท่านั้น ผล ผลิตในหนึ่งช่อจะสุกไม่พร้อมกัน ผลกาแฟที่แก่แต่ไม่สุก เมื่อนำไปแปรรูปจะทำให้กาแฟที่ได้มีคุณภาพที่ไม่ดี
● ใช้วัสดุที่เป็นแผ่น เช่น ตาข่ายตาถี่ปูใต้โคนต้นแล้วเก็บเฉพาะผลที่สุก ถ้าร่วงหล่นลงมาบนตาข่ายแล้ว สามารถรวบรวมผลผลิตของแต่ละต้นนำไปคัดแยกคุณภาพ
● ไม่ควรเก็บผลกาแฟโดยใช้วิธีรูดทั้งกิ่ง เพราะจะทำให้ได้สารกาแฟคุณภาพต่ำ
นำผลกาแฟที่เก็บเกี่ยวแล้วมาคัดแยกคุณภาพ ผลกาแฟที่แก่จัดเกินไปซึ่งมีสีแดงเข้ม หรือผลที่แห้งคาต้นผลที่ร่วง หรือหล่นตามพื้น ควรถูกคัดแยกออกจากกัน
● บางสายพันธุ์ผลสุกจะเป็นสีเหลือง เพราะฉะนั้น ควรศึกษาข้อมูลสายพันธุ์กาแฟที่เลือกเก็บให้ดีเสียก่อน
● การทดสอบผลสุกพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว สามารถทำได้โดยการเก็บผลกาแฟแล้วใช้นิ้วบีบผล หากผลสุกเปลือกจะแตกง่ายและเมล็ดกาแฟจะโผล่ออกมาจากเปลือก
● การเก็บผลควรจะพิจารณาการสุกของผลของแต่ละกิ่งที่ให้ผลในแต่ละต้นว่ามีผลสุกมากกว่าร้อยละ 50 สำหรับการเก็บผลผลิตครั้งแรก ซึ่งปกติการเก็บผลกาแฟจะต้องใช้เวลาเก็บประมาณ 2 ถึง 4 ครั้งต่อฤดูกาล
● หยิบดี" คอลัมที่ผมตั้งใจนำเรื่องราวดีๆ ที่ควรถูกนำมาเล่า มาสื่อสารให้เป็นประโยชน์ต่อ ชุมชน สังคม ในวงกว้างยิ่งขึ้น ติดตามดูนะครับว่าผมจะ หยิบดีเรื่องราวไหนมาเล่าต่อไปนะครับ
#ที่มาข้อมูล : บทความ"การเก็บเกี่ยวและการแปรรูปกาแฟ" M-Group: Article Article: ศูนย์รวมบทความ สาระน่ารู้ ข่าวสาร เกี่ยวกับการเกษตร และเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ https://www.m-group.in.th
วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2566
หยิบดี | เหตุผล 3 ข้อว่าทำไมการเดินทางจึงเป็นการศึกษาที่ดีที่สุด
หยิบดี | เหตุผล 3 ข้อว่าทำไมการเดินทางจึงเป็นการศึกษาที่ดีที่สุด ซึ่งการได้ออกจากห้องสี่เหลี่ยมแล้วเดินทางไปในโลกกว้างจะเป็น การตัดสินใจที่ดีที่สุดของคุณ และนี่คือ 3 เหตุผลว่าทำไมต้องมีการเดินทางไปในพื้นที่ตนเองอยากจะไปสักครั้งในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566
หยิบดี | "จะทำได้หรือ???" เป็น "คำถาม" ซึ่งมักจะถูกถามจากคนรอบข้าง
หยิบดี | "จะทำได้หรือ???" เป็น "คำถาม" ซึ่งมักจะถูกถามจากคนรอบข้าง เมื่อมีหลายคนทราบถึง "ความฝัน" ของพวกเขาพวกเธอ ที่จะตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงทางเดินชีวิตของตัวเองครั้งใหญ่ในเส้นทาง "เกษตรกรอาชีพ" ที่จะกลับมาพัฒนาพื้นที่สวนกาแฟที่เป็นต้นทุนเดิมของครอบครัว
หยิบดี | กาแฟเชื่อมสัมพันธ์
หยิบดี | กาแฟเชื่อมสัมพันธ์
จากความตั้งใจและอยากเห็นทุกคนในชุมชนมีการเรียนรู้และพร้อมร่วมกันพัฒนาผลผลิตของตนเองให้มีคุณภาพยิ่งๆ ขึ้น ตลอดจนร่วมกันขยายผลทำงานในมิติด้าน ดิน ฟ้า กาแฟ สิ่งแวดล้อม และเรียนรู้บริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไปพร้อมกัน เพราะเราเชื่อว่ากาแฟไทยเรายังไปได้อีกไกล
หยิบดี | มองเห็นก็เป็นสุข (ฉบับใจฟองฟู)
หยิบดี | มองเห็นก็เป็นสุข (ฉบับใจฟองฟู) ย้อนไปในวัยเรียนปริญญาตรีปี 1 ยุคที่ทุกคนรุ่นผมต้องรู้จักกับหนังสือ a day กัน ซึ่งเป็นหนังสือที่ทรงอิทธิพลทางความคิด แวกแนว อินดี้ การนำเสนอรูปมุมมองใหม่ ตลอดจนแฝงไปด้วยความเท่ห์ที่ทันยุคทันสมัย แน่นอนถ้าเมื่อไรหนังสือ a day ออกวางแผงเมื่อไร จะต้องมีประเด็นเรื่องราวอัพเดทให้ได้กล่าวขานกันทั่วเลยครับ
หยิบดี | ตอน : บทบาทโค้ชชิ่ง (Coaching)
หยิบดี | Up date "สถานการณ์ของวงการกาแฟกำลังเข้าขั้นวิกฤต"
หยิบดี | Up date "สถานการณ์ของวงการกาแฟกำลังเข้าขั้นวิกฤต" บทสนทนากับครูใหญ่แห่ง School coffee (พี่บิ๊ก) ครั้งนี้ได้ร่วมกันพูดคุยในวิกฤตฝั่งของการเกษตรกรรมครับ คือจำนวนกาแฟที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดจากประเด็นเรื่องของธรรมชาติ ประกอบไปด้วย ดิน อากาศ น้ำ ฯลฯ Climate Change ที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งฤดูกาล อุณหภูมิ ความร้อน ความหนาว ทำให้ต้นกาแฟที่เคยแข็งแรงในสภาวะที่มันเคยเป็นอยู่ ก็ป่วยได้ง่ายขึ้น
หยิบดี | "มอดศัตรูตัวร้ายในสวนกาแฟ"
หยิบดี | "มอดศัตรูตัวร้ายในสวนกาแฟ"
มีพี่ๆ เกษตรกรหลายท่านได้สอบถามและ inbox เข้ามาถามผมโดยอยากให้นำข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูตัวร้ายอย่าง "มอด" และวิธีการป้องกันแก้ไข มาเขียนเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน วันนี้ผมเลยจัดให้ตามคำขอนะครับ
● จากบทความของ Sirichai,2019 [1] ได้เขียนถึงความเร็วในการแพร่กระจายของมอดสมมุติว่านำมอด 1 ตัวไปปล่อยไว้ในสวนกาแฟ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมอดสามารถวางไข่ได้ประมาณ 60 -100 ใบต่อผลกาแฟ 1 ผล
•ดังนั้นสมมุติว่า มอด 1 ตัว สามารถผลิตมอดโตเต็มวัยได้ประมาณ 20 ตัว สมมุติว่าตั้งแต่วางไข่จนได้ตัวเต็มวัยใช้เวลาอยู่ที่ 30 วัน เมื่อเวลาผ่านไป 5 เดือน
• วิธีคำนวนง่ายๆ คือมอดสามารถเติบโตได้ด้วยอัตราเร่งแบบ Exponential คือ 20 ยกกำลัง 5 ดังนั้นมอด 1 ตัวเมื่อผ่านไป 5 เดือน จะมีมอดในสวนกาแฟทั้งหมด 3,200,000 ตัว (สามล้านสองแสนตัว)
• ถ้าคำนวนคร่าวๆ ว่ามอด 3.2 ล้านตัวโจมตีเมล็ดกาแฟแต่ละเมล็ด เท่ากับว่าเมล็ดกาแฟเสียหายกว่า 3.2 ล้านเมล็ดคิดเป็นน้ำหนักรวมทั้งหมดประมาณ 640 กิโลกรัม (เมล็ดสาร 1 เมล็ดหนัก 0.2 กรัม) หรือมูลค่ากว่า 102,400 บาท (ราคากาแฟสารกิโลละ 160 บาท)
● จากงานวิจัย Mendesil et al., 2004 [2] พบว่ามอดจะโจมตีผลกาแฟอย่างหนักช่วงที่ผลกาแฟเริ่มสุก โดยเจาะเข้าทางฐานใต้ผลกาแฟ เนื่องจากกาแฟเป็นพืชที่ติดผลปีละครั้งมอดจำเป็นต้องมีที่อยู่ในช่วงที่ผลกาแฟยังไม่ติดผล และที่อยู่นั่นคือผลที่แห้งคาต้นหรือผลที่ร่วงอยู่บนพื้น
• Mendesil et al., 2004 [2] พบว่าจำนวนของมอดในผลกาแฟที่ค้างอยู่บนต้นมีจำนวนมากกว่าผลกาแฟที่ตกอยู่ที่พื้น แสดงว่ามอดชอบผลกาแฟที่แห้งคาต้นมากกว่าผลกาแฟที่ตกบนพื้นแต่ในกรณีที่ไม่มีผลกาแฟแห้งคาต้น ผลกาแฟที่หล่นบนพื้นก็เป็นหนึ่งแหล่งขยายพันธุ์ของมอด ดังนั้นการทำลายเมล็ดกาแฟที่ค้างคาต้น หรือตกหล่นน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้มอดแพร่กระจาย และป้องกันไม่ให้มอดข้ามจากฤดูกาลหนึ่งไปยังอีกฤดูกาลหนึ่ง
● สรุป : มอดเป็นแมลงศัตรูพืชของกาแฟที่ใช้เวลากว่า 90% อาศัยอยู่ในผลกาแฟ ทำให้ไม่สามารถใช้วิธีใดวิธีหนึ่งในการกำจัดได้ แต่เป็นปัญหาที่ต้องแก้ด้วยความอดทนและใส่ใจวิธีป้องกันมอดที่ทางทีมงาน Coffeesci ได้หาข้อมูลมา จึงขอนำเสนอวิธีให้กับพี่ๆ น้องๆ เกษตรกรได้นำไปปรับใช้กัน ดังนี้นะครับ
1.ทำลายผลกาแฟที่มีมอดเจาะ
2.เก็บผลกาแฟที่แห้งคาต้น และตกหล่นมาใส่กระป๋องน้ำออกมาทำลายนอกพื้นที่สวน
3.กับดักสามารถใช้ลดการแพร่กระจาย และบ่งบอกถึงจำนวนของมอดในสวนได้
4.ป้องกันไม่ให้มอดหลุดเข้ามาที่สวน
5.การปลูกต้นไม้ จัดระบบนิเวศภายในสวนเพื่อให้เกิดการจัดการภายในสวนแบบธรรมชาติ เช่น นกมากิน หรือสัตว์ต่างๆ มากิน
● อ้างอิงที่มาข้อมูล
[1] Sirichai, "วงจรชีวิตของมอดกาแฟ (Coffee Berry Borer)และวิธีป้องกันมอดในกาแฟ," JULY, 19, 2019.[Online]. Available:
https://beanshere.com/.../understand-coffee-berry-borer/...
[2] E.Mendesil, B.Jembere and E.Seyoum,"Population dynamics and distribution of the coffee berry borer, Hypothenemus hampei (Ferrari) (Coleoptera: Scolytidae) on Coffea arabica L. in Southwestern Ethiopia," SINET Ethiopian Journal of Science,vol.27,no.2, pp.127–134, 2004.